สองหัวใจหนึ่งรักเดียว เขาว่ากันว่ารักที่พวกเราลืมไม่ลง รวมทั้งเป็นที่จำที่สุดเป็นรักคราวแรก แม้กระนั้นอีกรักหนึ่งที่อยู่ในใจไม่คลายเป็น รักสามสลด นั่นเอง โดยยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากมีรักสามเสียใจที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเกี่ยวพันลึกซึ้งระหว่างเพื่อนฝูงกับผู้ที่พวกเรารักล่ะ จะเป็นเยี่ยงไร? หากคนไหนกันแน่เคยตกอยู่ในวังวนนี้ รวมทั้งเป็นแฟนตัวยงของค่ายผลิตแอนิเมชันประสิทธิภาพอย่างสตูดิโอจิบลิล่ะก็ คงจะจำต้องไม่พลาดแอนิเมชันสมัย 90s อย่าง Ocean Waves สองหัวใจ หนึ่งรักเดียวใจเดียว (1993) แอนิเมชันหัวข้อนี้บางทีอาจมิได้มีชื่อเสียง
เสมือนแอนิเมชั่นระดับออสการ์อย่าง Spirited Away เหตุเพราะทางสตูดิโอมิได้เอามาฉายในโรง แม้กระนั้นตกลงใจฉายเป็นเทเลมูฟวี่ในสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์แทน แม้ว่า Ocean Waves บางทีอาจจะมิได้เกิดเรื่องที่คนคิดถึงหรือรู้จักในวงกว้างเท่าไรนัก แต่ว่ารายละเอียด อารมณ์ รวมทั้งภาพในหนัง ซามะ ขอการันตีประสิทธิภาพ 10 10 10 เลยว่าไม่ด้อยไปกว่าแอนิเมชันดังๆแน่ๆ คนใดต้องการทดลองพิสูจน์ประสิทธิภาพของ Ocean Waves ล่ะก็เชื้อเชิญดูได้ทาง Netflix เลยจ๊ะ คนไหนกันพร้อมแล้ว สไลด์อ่านเนื้อหานี้กันเลย (การรีวิวนี้เป็นความมองเห็น แล้วก็ความรู้สึกส่วนตัวของซามะนะคะ บกพร่องอย่างใดขอประทานโทษล่วงหน้าแรง
สองหัวใจหนึ่งรักเดียว หนังเต็มเรื่อง HD
Ocean Waves เกิดเรื่องราวรักสามเสียใจของวัยรุ่นสองชายหนุ่มเพื่อนสนิท รวมทั้งหญิงสาวจากเมืองหลวง โดยจะย้อนเรื่องราวความรักผ่านมุมมองของ “โมริซากิ ทาระอุ” ชายหนุ่ม ม.ปลายที่มีชีวิตอันแสนเรียบง่ายปกติในบ้านนอกที่จังหวัดวัวจิ มีหนุ่มน้อยฉลาดเรียนเก่งเป็นเพื่อนสนิทเป็น “มัตสึโนะ ยูทากะ” ที่เจอะกันในตอนมัธยมศึกษาตอนต้นเมื่อตอนต่อต้านคุณครูเรื่องยกเลิกทัศนศึกษา เพราะเหตุว่ามีความคิดที่คล้ายคลึงกันทำให้ทั้งคู่คนเป็นเพื่อนซี้กันจากนั้นมา
Spider-Man: Across the Spider-Verse” ดูอย่างกับว่าหนังแอนิเมชั่น สองหัวใจหนึ่งรักเดียว หัวข้อนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่และก็เป็นผู้แทนของหนังมาร์เวลในศักราชนี้ไปเสียแล้ว แล้วก็นี่เป็นการกลับมาสืบต่อในภาตต่อแอนิเมชั่นที่ประสบผลสำเร็จอย่างล้นหลาม พร้อมด้วยคว้าออสการ์มาครอบครองได้แล้วใน “Spider-Man: Across the Spider-Verse สไปเดอร์แมน: ผงาดผ่านจักรวาลแมงมุม” ที่กลับมาโอกาสนี้ บอกได้เลยว่า…มาเพื่อชูมาตรฐานของตนขึ้นไปอีก
สำหรับในหนัง Spider-Man: Across the Spider-Verse ยังคงจุดโฟกัสที่นักแสดง อย่าง ไมล์ส โมราเลส เป็นต้นว่าเดิม กับเรื่องราวบทใหม่ของการเสี่ยงอันตรายของเพื่อนบ้านที่แสนดีที่บรู๊คลิน ไปสู่มัลติเวิร์สร่วมกับ เกว็น สเตซี่ ของผองเพื่อนมนุษย์แมงมุมเพื่อประจันหน้ากับคนร้ายที่ทรงอำนาจมากกว่าที่พวกเขาเคยพบ และก็เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการเอาไว้
ในเวลาที่หนังมาร์เวลฉบับคนแสดงจะต้องประจันหน้ากับแพสชั่นที่ยิ่งสร้างยิ่งท้อแท้ผู้ชมเรื่อยแม้กระนั้นฉบับแอนิเมชั่นแปลงเป็นฝั่งที่เบาๆเจริญก้าวหน้ารวมทั้งเจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างน่าแปลกใจ และก็การกลับมาของ Spider-Man: Across the Spider-Verse ประเด็นนี้ก็ได้เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่า นี่เป็นหนังวีรบุรุษแอนิเมชั่นที่ตอบปัญหาและก็มอบทุกๆอรรถรสให้กับผู้ชมอย่างเต็มที่ อย่างกับหนังมาร์เวลสมัยก่อนเมื่อทศวรรษที่แล้วอย่างงั้นเลยจะต้อง
พูดว่านี่เป็นการผนึกกำลังที่สุดเยี่ยมของดรีมทีมอปิ้งตามที่เป็นจริง เพราะว่า 3 ผู้กำกับ “เคมป์ พาวเวอร์ส”, “วาคิม ดอส ซานโตส” รวมทั้ง “จัสติน ทอมป์สัน” ได้สร้างงานมาสเตอร์พีชอีกชิ้นของพวกเขาออกมาได้อีกรอบ การผลิตรวมทั้งลักษณะการทำงานของพวกเขาออกจะพอดีอย่างดีเยี่ยม รู้จักลีลาท่าทางรวมทั้งจังหวะที่ดีเลิศ ร้อยเรียงออกมาเป็นหนังที่ดีทุกจังหวะตลอดทั้งข้อเท็จจริงๆ
แล้วก็ยังจำเป็นต้องตบมือให้กับอีกหนึ่งดรีมทีมด้านบทภาพยนตร์ “ฟิล ลอร์ด”, “คริส ไม่ลเลอร์” แล้วก็ “เดวิด คัลลาหมูแฮม” ได้สร้างบทหนังอันดีเลิศออกมาได้น่าประทับใจอีกที บทหนัง Spider-Man: Across the Spider-Verse แทบไม่มีที่ติเตียนเสียด้วยซ้ำ ด้วยเหตุว่าเต็มไปด้วยลีลาท่าทางรวมทั้งมิติที่ดีเลิศ ขับเสน่ห์แล้วก็รู้จักทุกกิริยาอาการของทุกผู้แสดง ทุกติดอยู่แรกเตอร์ในหนังประเด็นนี้ต่างมีความจำเป็นรวมทั้งสามารถเกลี่ยกระจัดกระจายบทได้คล่องแคล่ว ที่ประทับจิตใจสุดๆน่าจะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเป็นมนุษย์เข้ามาในบทอย่างเป็นจริงเป็นจัง ที่เพิ่มความกลมกล่อมให้หนังได้เพิ่มขึ้นด้วย
จำเป็นต้องรับตรงๆว่าแอบงงงวยหน่อยเดียว ขณะที่ทราบดีว่าหนังแอนิเมชั่นประเด็นนี้มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที เท่ากันบรรดาหนังมาร์เวลธรรมดาทั่วๆไปสักเรื่องเลย ก็คิดอยู่ว่าหนังจะมีอะไรให้เล่ามากไม่น้อยเลยทีเดียวขนาดนั้น ด้วยเหตุว่าโดยมาตรฐานแล้วหนังแนวนี้ชอบสร้างให้ไม่เกิน 2 ชั่วโมงด้วย แม้กระนั้นเมื่อมาสัมผัสด้วยดาตนเองก็เลยทราบดีแล้วว่า 140 นาทีของหนังก็ยังไม่พอจริงๆ
Spider-Man: Across the Spider-Verse ยังคงเอกลักษณ์ใน สองหัวใจหนึ่งรักเดียว งานวางแบบรวมทั้งลายเส้นการ์ตูนที่นานาประการเหมือนเคย สีสันแล้วก็มุมภาพเป็นเลิศจุดที่ส่งเสริมให้หนังเรื่องนี้่จับอกจับใจแล้วก็เพิ่มอารมณ์ร่วมได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อมาบวกกับจังหวะการเล่าเรื่องที่บันเทิงใจดี เปลี่ยนเป็นการเพิ่มพูนความมันส์แล้วก็ความสนุกสนานของหนังเรื่องเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม เป็นหนัง 2 ชั่วโมงนิดๆที่ยิ่งมองยิ่งพีคขึ้นเรื่อย
อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION
เปิดประตูสู่ความสยองขวัญสั่นประสาทไปกับภาพยนตร์เรื่อง “อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION (อ๊กซู : สถานีผีดุ เดอะ โกสท สเตชั่น)” ร้อยเรียงเรื่องราวจากสถานะการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ก่อนเอามาผลิตเป็น WEBTOON โดยในรูปภาพยนตร์ยังได้คว้าเพศผู้เขียนบทหนังสยองขวัญฝีมือเยี่ยม ฮิโรชิ ทาค้างฮาชิ มาเป็นผู้แต่งตั้งเรื่องราว โดยมี จองยงกิ นั่งแท่นผู้กำกับหนัง เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่จะพาคุณไขปัญหาที่เต็มไปด้วยความน่าสยอง แล้วก็ยังสะท้อนมุมมองของอาชีพผู้รายงานข่าวเข้ามาได้ดิบได้ดีพอเหมาะพอควร เชื้อเชิญขนลุกขนพองตลอดทั้งการรับดู
เรื่อง “อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION” เกิดเรื่องราวของ นายอง ผู้รายงานข่าวสาวผู้มีความประสงค์ทำข่าวสารให้สำเร็จตอบรับที่ดีตามจุดมุ่งหมายของหัวหน้า แต่เขากลับทำผิดพลาดก็เลยต้องหาข่าวสารใหม่มาชดเชย เขาได้ขอ ชเวอูวอน สหายของเขาที่เป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการบริการสาธารณะที่สถานีอ๊กซูที่พึ่งจะเจอกับเหตุสะเทือนใจ คุณก็เลยเข้ามาคลุกคลีกับเหตุลึกลับอะไรบางอย่าง รวมทั้งเผยโฉมความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องราวทั้งสิ้น
เริ่มมาก็สามารถเรียกความน่ากลัวได้อย่างดีเยี่ยม สองหัวใจหนึ่งรักเดียว กับเรื่องที่เกิดขึ้นที่สถานีอ๊กซู มีคนตายหนึ่งรายก่อนที่จะย้อนรายละเอียดกลับไปเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา จุดเริ่มเรื่องราวของทั้งปวง โดยมีนักข่าวสารสาว นายอง เป็นผู้ดำเนินใจความหลัก เมื่อคุณนั้นจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขข่าวสารที่ทำผิดพลาด รวมทั้งเพื่อยอดการเข้าชมข่าวสารสำหรับการหาเงินเพื่อใช้จ่ายสำหรับการฟ้องคดี ทำให้คุณได้ไปสู่เรื่องพิศวง เมื่อเพื่อนฝูงของคุณทั้งยัง 2 ผู้ที่สถานีอ๊กซู
ได้เล่าเรื่องการตายโดยไม่เคยรู้มูลเหตุ โน่นก็เลยทำให้คุณพึงพอใจและก็เขียนข่าวสารเกี่ยวกับสถานีนี้ โดยเรื่องก็จะมีการปะติดปะต่อเหตุเป็นลำดับขั้น ก่อนที่จะพาไปสู่ความน่าสยองสำหรับการค้นหาคำตอบของเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อที่คนทยอยเสียชีวิตจากข่าวสารดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว แต่ว่าคุณยังคงจะต้องเขียนเนื้อหาของข่าวสารอยู่ตลอดเพื่อได้รับการเข้าชม แล้วก็ตามความอยากได้ของหัวหน้า แม้ว่าจะฝืนคุณไปบ้างก็ตาม
โดยในระหว่างแนวทางการทำข่าวสารคุณได้เข้ามาพันพัวกับการตายอย่างปัญหาอยู่ไม่น้อย โดยมีรหัสทางจำนวนแล้วก็แผลบางสิ่งบางอย่างเป็นเครื่องหมาย ถึงแม้ในตอนแรกคุณจะยังไม่ให้ความใส่ใจ แต่ว่าโน่นเป็นสิ่งแจ้งเตือนของอะไรบางอย่าง คุณได้เจอกับผู้จัดการศพ แล้วก็น้องสาวของผู้ตาย ก่อนที่จะเติมแต่งข้อมูลเรื่องต่างๆเข้ามาประสมประสานกันเป็นมุมมองเดียวกัน ซึ่งการเล่าเรื่องของภาพยนตร์มีระดับขั้นสำหรับเพื่อการเล่าออกจะดี
เป็นช่วงแรกมิได้มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ว่าด้วยอาชีพ รวมทั้งสหายทำให้จำเป็นต้องเข้ามาพบเรื่องนี้ และก็มีการไต่ระดับอารมณ์จนกระทั่งจุดสำคัญแบบแผนภูมิพุ่งขึ้นไม่มีหยุดด้วยสิ่งที่คุณจำเป็นต้องพบในกลางทาง มันมีเงื่อนความลับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้พวกเราจำต้องติดตามแบบไม่ละสายตา จนกระทั่งตอนสุดท้ายยังเล่าความศรัทธา และก็คำสาปแช่งเข้ามาผสมให้มีความสยองขวัญติดตามตัวกันถัดไปอีกด้วย
เว้นแต่รายละเอียดทางความศรัทธา ความสยองขวัญสำหรับเพื่อการไขปัญหาที่เกิดขึ้น หนึ่งสิ่งที่สะท้อนออกมาได้อย่างแน่ชัดเป็นอาชีพของผู้สื่อข่าว เมื่อคุณจำต้องทำข่าวสารเรียกยอดคนอ่าน และก็ปฏิบัติตามคำบัญชาของหัวหน้า แม้ว่าจะผิดจะต้องไปเสียทั้งหมดทั้งปวงก็ตาม การปูรายละเอียดก็พาให้พวกเราได้รู้เรื่องในผู้แสดง แล้วก็ภาพรวมตั้งแต่เนิ่นๆกระทั่งสามารถจับทางได้ง่ายพอควร มีจุดสุดยอดจริงแม้กระนั้นโน่นเป็นสิ่งที่ปูมาให้พวกเราได้มั่นใจว่ามันมีอยู่แล้วนั่นเอง
The Boogeyman เดอะ บูกี้แมน
นี่บางครั้งก็อาจจะเป็นเลิศในตำนานผีปรำปราของฝั่งอเมริกา ที่พวกเราบางทีอาจจะเคยรับรู้ได้สัมผัสกับมาบ้าง เนื่องจากที่มันดังได้ก็มาจากเจ้าพ่อนิยายสยดสยอง “สตีเวน คิง” เอามาร้อยเรียงสร้างเกิดเรื่องราวให้ชักชวนหลอน เปลี่ยนออกมาเป็น “The Boogeyman” ที่ฉบับนี้อิงมาจากงานด้านการเขียนสุดคลาสสิกโดยยิ่งไปกว่านั้น ที่จะมาเปิดทางตำนานผีตู้ที่มีไว้เก็บเสื้อผ้าที่ฝรั่งกลัวยิ่งนัก แม้กระนั้นความหลอนเฮี้ยน..จะทำเป็นถึงขนาดนั้นไหม?
นี่เป็นเรื่องราวของ ซาดี้ ฮาร์เปอร์ เด็กนักเรียนผู้หญิงวัยมัธยมศึกษาตอนปลายรวมทั้ง สองหัวใจหนึ่งรักเดียว ซอว์เยอร์ น้องสาวของคุณ ที่ยังคงทำใจไม่ได้กับการสูญเสียแม่ทันทีทันใด และไม่ได้รับการเกื้อกูลที่ดีเพียงพอจาก วิล บิดาของพวกเขา ที่มีอาชีพเป็นนักจิตวิทยาบำบัดรักษา เพราะเหตุว่าตัวเขาเองก็ยังคงต่อกรกับความเจ็บของตนอยู่ วันหนึ่งมีผู้เจ็บป่วยสุดสงสารโผล่มาที่บ้านเพื่ออ้อนวอน แต่ว่าแล้วคนไข้คนนั้นก็ได้ทิ้งเรื่องราวเหนือธรรมชาติสุดน่ากลัวที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขากลายเป็นเหยื่อของเรื่องลี้ลับ
บางครั้งอาจจะบอกได้หนังประเด็นนี้ก็เป็นตามสูตรสำเร็จของพวกหนังผีสุดสยดสยอง quierocreedence ที่ใช้บริการผู้กำกับดาวรุ่งมาหยั่งเชิงถ่ายทอดความหลอนแบบเดิมๆที่พวกเราบางทีอาจจะเคยได้เห็นกันมาบ้างแล้ว “ร็อบ ซาเวจ” ที่่ผ่านงานดูแลซีรีส์และก็หนังสยดสยองทุนต่ำมาหลายเรื่อง เขาทราบแนวทางจัดการกับหนังหัวข้อนี้ดี ด้วยการผลิตบรรยากาศชักชวนหลอนและก็สะพรึงกลัว ทั้งยังสามารถรักษาระดับงบประมาณของหนังเอาไว้ได้อย่างถูกใจกลุ่มประธานเลยล่ะ
ไม่เคยรู้ว่าบุคคลอื่นจะคิดเช่นกันหรือเปล่า แต่ว่าตลอดเวลาที่นั่งมอง The Boogeyman ประเด็นนี้ แอบรู้สึกและก็คิดถึงรสสัมผัสแบบที่เคยลิ้มรสมาแล้วในหนังดังแจ้งกำเนิดของผู้กำกับ เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก อย่าง “Lights Out” เมื่อไม่กี่ปีกลาย ที่มาในโทนคล้ายกัน แล้วก็ยังเป็นหนังผีทุนต่ำเช่นกัน จังหวะรวมทั้งบรรยากาศเชิญชวนให้นึกถึงประเด็นนั้น ถึงแม้ความน่าขนลุกเชื้อเชิญหลอนะยังทำเป็นไม่ถึงมาตรฐานแบบที่ผีไฟดับทำเป็นก็ตาม
แต่ว่าอย่างต่ำๆThe Boogeyman ก็ปรับบทแล้วก็เล่าได้ร่วมยุคได้ดิบได้ดี ก็ไม่วายทิ้งกลิ่นความเป็นนิยายของ สตีเวน คิง ที่ชอบเป็นหลักสำคัญความเจ็บแล้วก็ดำตรงเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวของวัยรุ่นเข้ามาพันพัว ถึงจะเป็นพล็อตบ่อยๆกล้วยๆที่ทายใจทางได้ไม่ยาก ก็จำต้องเห็นด้วยว่าหนังสร้างบรรยากาศเชื้อเชิญหลอนก้าวหน้าอย่างมาก ในขณะที่ผู้ชมจะได้มองเห็นเจ้าอสุรเพียงแค่วับแวบแว่บๆไม่จุใจเยอะแค่ไหน
